แมลงบนบกสามารถพบได้ในทุกทวีปของโลก

แมลงบนบก เป็นแมลงที่อาศัยอยู่บนบก หายใจด้วยท่อลมด้านข้าง มีลำตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง แมลงบนบกมีจำนวนชนิดมากกว่าแมลงน้ำ โดยมีประมาณ 900,000 ชนิด และคาดว่ายังมีอีกมากที่ยังไม่ถูกค้นพบ
แมลงบนบกสามารถพบได้ในทุกทวีปของโลก ทั้งในป่า บนภูเขา ในทุ่งนา ในสวน ในบ้านเรือน ฯลฯ แมลงบนบกมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น
- เป็นตัวผสมเกสร แมลงช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ โดยนำเกสรจากดอกหนึ่งไปยังดอกอีกดอกหนึ่ง ช่วยให้พืชสามารถสืบพันธุ์ได้
- เป็นผู้ล่า แมลงเป็นแมลงนักล่าหลายชนิด พวกมันช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืช
- เป็นอาหารของสัตว์อื่น แมลงเป็นอาหารของสัตว์หลายชนิด เช่น นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
นอกจากนี้ แมลงบนบกบางชนิดยังมีประโยชน์ต่อมนุษย์ เช่น
- เป็นอาหาร แมลงบนบก หลายชนิด เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน ดักแด้ไหม ฯลฯ นิยมรับประทานเป็นอาหาร
- เป็นยารักษาโรค แมลงบนบกบางชนิด เช่น แมลงปอ แมลงกระชอน ฯลฯ มีสารพิษที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้
- เป็นวัสดุทางชีวภาพ แมลงบนบกบางชนิด เช่น ผีเสื้อ หม่อนไหม ฯลฯ สามารถนำมาผลิตเส้นใย ไหม ฯลฯ
แมลงบนบกบางชนิดก็อาจก่อให้เกิดโทษต่อมนุษย์ เช่น
- เป็นพาหะนำโรค แมลงบนบกบางชนิด เช่น ยุง แมลงวัน ฯลฯ เป็นพาหะนำโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น ไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย ฯลฯ
- ทำลายพืชผล แมลงบนบกบางชนิด เช่น เพลี้ย หนอนผีเสื้อ ฯลฯ ทำลายพืชผลทางการเกษตร
อย่างไรก็ตาม แมลงบนบกส่วนใหญ่ก็มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากกว่าโทษ แมลงบนบกจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและต่อชีวิตของมนุษย์
ตัวอย่างแมลงบนบกที่สำคัญ ได้แก่
- แมลงมีปีก เช่น แมลงวัน ยุง ผีเสื้อ แมลงปอ ฯลฯ
- แมลงไม่มีปีก เช่น แมลงสาบ ปลวก มด ด้วง ฯลฯ
แมลงบนบกมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและต่อชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ควรช่วยกันอนุรักษ์แมลงบนบกให้คงอยู่ต่อไป

วิวัฒนาการของ แมลงบนบก
วิวัฒนาการของแมลงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อน แมลงมีบรรพบุรุษร่วมกันกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มอื่น ๆ เช่น อาร์โทรพอดกลุ่มกุ้งและแมงทะเล แต่แมลงได้วิวัฒนาการมามีรูปร่างและลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างจากสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มอื่น ๆ
แมลงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในยุคดีโวเนียน (Devonian Period) เมื่อประมาณ 419 ล้านปีก่อน ในช่วงแรกนั้น แมลงมีขนาดเล็กและอาศัยอยู่ในน้ำ ต่อมาในยุคคาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous Period) เมื่อประมาณ 359 ล้านปีก่อน แมลงได้วิวัฒนาการให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถอาศัยอยู่บนบกได้ แมลงได้วิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และยังคงเป็นสัตว์ที่มีจำนวนชนิดมากที่สุดในโลก
วิวัฒนาการของแมลงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะใหญ่ ๆ คือ
- ระยะที่ไม่มีปีก (Apterygota) เป็นแมลงที่ไม่มีปีก พบได้ประมาณ 2,000 ชนิด แมลงในระยะนี้มักมีขนาดเล็กและอาศัยอยู่ในน้ำหรือบนบก
- ระยะมีปีก (Pterygota) เป็นแมลงที่มีปีก พบได้ประมาณ 900,000 ชนิด แมลงในระยะนี้สามารถอาศัยอยู่ในน้ำ บนบก และในอากาศ
แมลงมีวิวัฒนาการที่สำคัญหลายประการ ดังนี้
- การวิวัฒนาการของปีก แมลงมีปีกเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยในการเคลื่อนที่และหาอาหาร ปีกของแมลงวิวัฒนาการมาจากโครงสร้างของเปลือกนอกที่เรียกว่า เอพิคิวติเคิล (Epicuticle) ในช่วงแรก ปีกของแมลงเป็นแผ่นบาง ๆ แข็ง ใช้ในการบินระยะสั้น ต่อมาในยุคคาร์บอนิเฟอรัส ปีกของแมลงได้วิวัฒนาการให้มีลักษณะบางและยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้สามารถบินได้ไกลขึ้น
- การวิวัฒนาการของปาก แมลงมีปากหลายแบบแตกต่างกันไปตามการกินอาหาร แมลงกินพืชมีปากแบบกัดและดูด แมลงกินเนื้อมีปากแบบกัดและเจาะ แมลงดูดเลือดมีปากแบบเจาะดูด แมลงบางชนิดมีปากแบบพิเศษ เช่น แมลงหวี่มีปากแบบดูดน้ำหวาน แมลงสาบมีปากแบบกัดและดูด
- การวิวัฒนาการของตา แมลงมีตาหลายแบบแตกต่างกันไปตามการมองเห็น แมลงส่วนใหญ่มีตาแบบประกอบ ประกอบด้วยหน่วยรับภาพขนาดเล็ก ๆ จำนวนมากรวมกัน แมลงบางชนิดมีตาแบบเรียบ ประกอบด้วยหน่วยรับภาพขนาดใหญ่เพียงหน่วยเดียว แมลงบางชนิดมีตาแบบพิเศษ เช่น แมลงปอมีตาแบบประกอบขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้รอบตัว
วิวัฒนาการของแมลงได้ช่วยให้แมลงสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว แมลงจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกลุ่มหนึ่งบนโลก
ลักษณะของ แมลงบนบก
แมลงเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีลักษณะเด่นหลายประการ ดังนี้
- ร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง
- มีเปลือกนอกแข็ง ปกคลุมลำตัว เรียกว่า เอพิคิวติเคิล (Epicuticle) เอพิคิวติเคิลทำจากสารไคติน (Chitin) และสารประกอบอื่น ๆ
- มีขา 6 ขา เรียงเป็นคู่ ๆ ขาของแมลงแต่ละคู่มีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น ขาคู่หน้าใช้สำหรับการจับเหยื่อ ขาคู่กลางใช้สำหรับการเดิน ขาคู่หลังใช้สำหรับการกระโดด
- มีปีก แมลงบางชนิดมีปีก 2 คู่ แมลงบางชนิดมีปีก 1 คู่ แมลงบางชนิดไม่มีปีก
- มีหนวด หนวดของแมลงมีความยาวแตกต่างกันไป หนวดของแมลงใช้ในการรับสัมผัส ดมกลิ่น และรับรส
- มีปาก ปากของแมลงมีลักษณะแตกต่างกันไปตามการกินอาหาร แมลงกินพืชมีปากแบบกัดและดูด แมลงกินเนื้อมีปากแบบกัดและเจาะ แมลงดูดเลือดมีปากแบบเจาะดูด
- มีตา แมลงส่วนใหญ่มีตาแบบประกอบ ประกอบด้วยหน่วยรับภาพขนาดเล็ก ๆ จำนวนมากรวมกัน แมลงบางชนิดมีตาแบบเรียบ ประกอบด้วยหน่วยรับภาพขนาดใหญ่เพียงหน่วยเดียว
- ระบบหายใจ แมลงหายใจด้วยท่อลมด้านข้าง ท่อลมด้านข้างแตกแขนงไปทั่วร่างกาย
- ระบบหมุนเวียนโลหิต แมลงมีระบบหมุนเวียนโลหิตแบบเปิด หัวใจอยู่ด้านหลังลำตัว ส่งเลือดไปทั่วร่างกาย
- ระบบประสาท แมลงมีระบบประสาทแบบใยประสาทรวม สมองอยู่ส่วนหัว เชื่อมต่อกับเส้นประสาทส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
- ระบบสืบพันธุ์ แมลงสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพศผู้และเพศเมียมีอวัยวะสืบพันธุ์ที่ต่างกัน
แมลงมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก โดยทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น
- เป็นตัวผสมเกสร แมลงช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ โดยนำเกสรจากดอกหนึ่งไปยังดอกอีกดอกหนึ่ง ช่วยให้พืชสามารถสืบพันธุ์ได้
- เป็นผู้ล่า แมลงเป็นแมลงนักล่าหลายชนิด พวกมันช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืช
- เป็นอาหารของสัตว์อื่น แมลงเป็นอาหารของสัตว์หลายชนิด เช่น นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
นอกจากนี้ แมลงบางชนิดยังมีประโยชน์ต่อมนุษย์ เช่น
- เป็นอาหาร แมลงหลายชนิด เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน ดักแด้ไหม ฯลฯ นิยมรับประทานเป็นอาหาร
- เป็นยารักษาโรค แมลงบางชนิด เช่น แมงป่อง แมงมุม ฯลฯ มีสารพิษที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้
- เป็นวัสดุทางชีวภาพ แมลงบางชนิด เช่น ผีเสื้อ หม่อนไหม ฯลฯ สามารถนำมาผลิตเส้นใย ไหม ฯลฯ
แมลงบางชนิดก็อาจก่อให้เกิดโทษต่อมนุษย์ เช่น
- เป็นพาหะนำโรค แมลงบางชนิด เช่น ยุง แมลงวัน ฯลฯ เป็นพาหะนำโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น ไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย ฯลฯ
- ทำลายพืชผล แมลงบางชนิด เช่น เพลี้ย หนอนผีเสื้อ ฯลฯ ทำลายพืชผลทางการเกษตร
อย่างไรก็ตาม แมลงส่วนใหญ่ก็มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากกว่าโทษ แมลงจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและต่อชีวิตของมนุษย์