www.insectofworld.com

แมลงศัตรูพืช (Insect pest)

หนอนชอนใบ

แมลงศัตรูพืช มีหลากหลายชนิดแบ่งตามลักษณะการทำลายพืชได้ดังนี้

  • แมลงปากดูด (Hemiptera) ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยแป้ง หนอนชอนใบ แมลงหวี่ขาว
  • แมลงปากกัด (Coleoptera) กัดกินส่วนต่างๆ ของพืช เช่น หนอนกระทู้ หนอนกอ หนอนด้วง หนอนผีเสื้อ
  • แมลงปากเจาะ (Coleoptera, Lepidoptera, Hymenoptera) ใช้ปากเจาะทะลุเข้าไปทำลายพืช เช่น หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนเจาะเมล็ดข้าว หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด
  • แมลงอื่นๆ เช่น ด้วงหมัด แมลงวัน มอด ยุง มด ปลวก

แมลงศัตรูพืชสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้วิธีต่างๆ เช่น ลม น้ำ สัตว์พาหะ มนุษย์ เป็นต้น การระบาดของแมลงศัตรูพืชสามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก

การป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • การใช้สารเคมี เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
  • การใช้วิธีทางชีวภาพ เช่น การใช้ศัตรูธรรมชาติ การใช้พืชสมุนไพร การใช้ฮอร์โมนพืช
  • การใช้วิธีทางกายภาพ เช่น การกำจัดวัชพืช การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์
  • การใช้วิธีทางการเกษตร เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชที่ทนต่อแมลงศัตรูพืช

การใช้วิธีป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดความเสียหายจากแมลงศัตรูพืชได้

ตัวอย่างของแมลงศัตรูพืชที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่

  • เพลี้ยอ่อน เป็นแมลงขนาดเล็ก ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช เช่น ใบ ยอดอ่อน ดอก และผล ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช เช่น ใบเหลือง แห้งตาย ผลผลิตลดลง
  • เพลี้ยแป้ง เป็นแมลงขนาดเล็ก ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช เช่น ใบ ยอดอ่อน ดอก และผล ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช เช่น ใบเหลือง แห้งตาย ผลผลิตลดลง
  • หนอนกระทู้ เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีระยะตัวหนอนกินพืชเป็นอาหาร ทำลายพืชได้ทุกส่วน เช่น ใบ ยอดอ่อน ดอก และผล ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช เช่น ใบขาดแหว่ง ยอดอ่อนแห้งตาย ผลผลิตลดลง
  • ด้วงหมัด เป็นแมลงขนาดเล็ก กัดกินใบพืชเป็นอาหาร ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช เช่น ใบมีรอยกัดเป็นจุดๆ ใบเหลือง แห้งตาย
  • แมลงหวี่ขาว เป็นแมลงขนาดเล็ก ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช เช่น ใบ ยอดอ่อน ดอก และผล ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช เช่น ใบเหลือง แห้งตาย ผลผลิตลดลง

การป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบแมลงศัตรูพืชในระยะตัวอ่อน ควรรีบกำจัดทันที โดยเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับชนิดของแมลงศัตรูพืชและสภาพแวดล้อม

แมลงศัตรูพืช สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หลายประการ ดังนี้

  • ความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร แมลงศัตรูพืชสามารถทำลายพืชผลทางการเกษตรได้หลายวิธี เช่น ดูดกินน้ำเลี้ยง กัดกินใบ ยอดอ่อน ดอก ผล ราก เป็นต้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิต คุณภาพ และมูลค่าทางเศรษฐกิจ
  • การแพร่กระจายโรคพืช แมลงศัตรูพืชบางชนิดสามารถเป็นพาหะของโรคพืชได้ เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง หนอนกระทู้ เป็นต้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรเพิ่มเติม
  • การแพร่กระจายโรคในสัตว์และมนุษย์ แมลงศัตรูพืชบางชนิดสามารถเป็นพาหะของโรคในสัตว์และมนุษย์ได้ เช่น ยุง แมลงวัน เป็นต้น ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย โรคไข้เหลือง เป็นต้น
  • การสร้างความรำคาญ แมลงศัตรูพืชบางชนิด เช่น ยุง แมลงวัน มด เป็นต้น สามารถสร้างความรำคาญให้กับมนุษย์ได้ เช่น กัดต่อยทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง เป็นต้น

การป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร โรคพืช โรคในสัตว์และมนุษย์ และสร้างความรำคาญให้กับมนุษย์

แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียน

แมลงตัวห้ำ (Predator) และ แมลงตัวเบียน (Parasite) เป็นแมลงที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ โดยช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืช แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียนมีความแตกต่างกันดังนี้

ด้วงเต่า

แมลงตัวห้ำ Predator หมายถึง สัตว์นักล่า เป็นแมลงที่กินแมลงศัตรูพืชเป็นอาหารโดยตรง เช่น ด้วงเต่า ตั๊กแตนตำข้าว มวนตัวห้ำ แมลงวันก้นขน เป็นต้น แมลงตัวห้ำมีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืช โดยแมลงตัวห้ำตัวหนึ่งสามารถกินแมลงศัตรูพืชได้หลายตัวในแต่ละวัน แมลงตัวห้ำจึงสามารถช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แมลงตัวห้ำมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีพฤติกรรมการล่าที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

  • ด้วงเต่า จะล่าแมลงศัตรูพืชโดยการไล่ตามและกัดกิน
  • ตั๊กแตนตำข้าว จะล่าแมลงศัตรูพืชโดยการกระโดดและจับเหยื่อด้วยขาคู่หน้า
  • มวนตัวห้ำ จะวางไข่บนตัวแมลงศัตรูพืช ไข่ที่ฟักเป็นตัวอ่อนจะดูดกินอาหารและสารอาหารจากภายในตัวแมลงศัตรูพืชจนตาย
  • แมลงวันก้นขน จะวางไข่ในน้ำที่สะสมอยู่ในใบไม้หรือกิ่งไม้ ไข่ที่ฟักเป็นตัวอ่อนจะกินตัวอ่อนของแมลงศัตรูพืช

แมลงตัวเบียน Parasite หรืออีกชื่อปรสิต ปรสิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในหรือบนตัวสิ่งมีชีวิตอื่น (โฮสต์) และได้รับประโยชน์จากโฮสต์โดยที่โฮสต์เสียหาย ปรสิตสามารถพบได้ในทุกสภาพแวดล้อม รวมถึงน้ำ ดิน และแม้กระทั่งในร่างกายมนุษย์

มีปรสิตหลายประเภท แต่ทั้งหมดมีลักษณะร่วมกันบางประการ ปรสิตโดยทั่วไปมีขนาดเล็กกว่าโฮสต์และไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง พวกมันต้องพึ่งพาโฮสต์สำหรับอาหาร ที่อยู่อาศัย และการเดินทาง ปรสิตสามารถทำให้โฮสต์มีปัญหาสุขภาพได้หลากหลาย ตั้งแต่ความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยไปจนถึงการเจ็บป่วยร้ายแรงและเสียชีวิตได้ด้วย

  • เหา เป็นแมลงขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนเส้นผมหรือผิวหนังของมนุษย์และสัตว์ พวกมันกินเลือดและทำให้คันและระคายเคือง
  • เห็บ เป็นแมงขนาดเล็กที่เกาะติดกับผิวหนังของมนุษย์และสัตว์ พวกมันกินเลือดและแพร่โรคต่างๆ เช่น โรค Lyme และโรคไข้รากสาดใหญ่
  • พยาธิ เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์ พวกมันสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลากหลาย รวมถึงท้องร่วง ปวดท้อง และน้ำหนักลดลง
  • โปรโตซัวเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในเลือด ลำไส้ หรืออวัยวะอื่นๆ ของมนุษย์และสัตว์ พวกมันสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลากหลาย รวมถึงไข้มาลาเรีย โรค Giardiasis และโรค Toxoplasmosis

ปรสิตอาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรงสำหรับทั้งมนุษย์และสัตว์ พวกมันสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลากหลายและแม้กระทั่งถึงชีวิตได้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องป้องกันการติดเชื้อปรสิต เช่น ใช้สารไล่แมลง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ และปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกทั่ว

หากคุณคิดว่าคุณหรือสัตว์เลี้ยงของคุณอาจติดเชื้อปรสิต เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพบแพทย์หรือสัตวแพทย์ทันที

แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียนเป็นศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช การส่งเสริมให้แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียนเข้ามาอาศัยอยู่ในระบบนิเวศจึงเป็นวิธีหนึ่งในการช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำได้โดยการปลูกพืชที่เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของแมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียน เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่ว การปลูกพืชที่มีดอกให้น้ำหวาน เป็นต้น

นอกจากนี้ แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียนยังสามารถนำมาใช้เพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืชในระบบเกษตรกรรมได้อีกด้วย เรียกว่า การควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยวิธีทางชีวภาพ (Biological control) การควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยวิธีทางชีวภาพเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน